การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการงานคลังวัสดุบรรจุ : กรณีศึกษา บริษัทผลิตและจาหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้ว

Abstract

การค้นคว้าอิสระนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษากระบวนการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหา หาแนวทางหรือรูปแบบเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการงานคลังวัสดุบรรจุ และ 2) เปรียบเทียบต้นทุนรวมระหว่างก่อนและหลังการปรับปรุงการจัดการงานคลังวัสดุบรรจุเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ บริษัทผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้ว โรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยนำทฤษฎีและหลักการที่เกี่ยวข้องมาประยุกต์ใช้ร่วมกัน จากการศึกษากระบวนการ ปัญหาที่พบ มีประเด็นปัญหาที่สำคัญและส่งผลต่อประสิทธิภาพการจัดการคลังวัสดุบรรจุของบริษัทแห่งนี้ ได้แก่ ต้นทุนการจัดการวัสดุบรรจุสูง ปริมาณวัสดุบรรจุคงคลังเฉลี่ยสูง กระบวนการทำงานหลักใช้เวลานานและซ้ำซ้อน พื้นที่จัดเก็บไม่เพียงพอ และค่าจ้างทำงานล่วงเวลาสูง จากปัญหาดังกล่าวผู้วิจัยได้นำทฤษฎีการสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุด หลักการคำนวณหาจุดสั่งซื้อใหม่ แนวคิดการจัดกลุ่มสินค้าแบบ ABC และทฤษฎีการลดความสูญเปล่าด้วยหลักการระบบ ECRS ซึ่งประกอบด้วย การกำจัด การรวมกัน การจัดใหม่ และการทำให้ง่าย รวมทั้งนำหลักการวิเคราะห์และคาดการณ์กำลังคนจากปริมาณงาน มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน ผลการศึกษาพบว่า ต้นทุนรวมการจัดการวัสดุบรรจุลดลงจากวิธีการสั่งซื้อรูปแบบเดิมคิดเป็นมูลค่า 139,205.58 บาทต่อปี หรือร้อยละ 32.12 ค่าใช้จ่ายการเก็บรักษาวัสดุบรรจุคงคลังลดลงจากวิธีการใช้จุดสั่งซื้อรูปแบบเดิม 1,108,299.86 บาทต่อปี หรือร้อยละ 27.62 การจัดกลุ่มวัสดุคงคลังและปรับแผนผังการจัดเก็บและการปรับวิธีการทำงานทำให้ลดเวลาการทำงานในกระบวนการหลักได้ 180 นาที และการวางแผนกาลังคนลดค่าจ้างทำงานล่วงเวลา 234,037.75 บาทต่อปี หรือร้อยละ 36.78 จากผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการนำทฤษฎีและหลักการดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ร่วมกันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการงานคลังวัสดุบรรจุ และบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ได้

The objectives of this independent study were: 1) to investigate the process, analyze the root cause of problems and find methods for enhancing the efficiency of packing materials warehouse management, and 2) to compare costs of inventory between before and after improvement to enhance the efficiency of packing materials warehouse management. The sample used in this study was the factory operated by a glass container manufacturing company in Phra Nakhon Si Ayutthaya province. Relevant theories and concepts were applied to this study. According to the process investigation and analysis of the problems occurred, there were significant issues affecting the efficiency of packing materials management including high packing materials handling cost, high average inventory, time-consuming and repetitive main process, insufficient storage space, and high overtime wages. Hence, the principles of economic order quantity (EOQ), re-order point (ROP), ABC classification analysis, principles of elimination, combination, rearrangement, and simplification (ECRS principle), and workload analysis were applied as the techniques in this study. The study results revealed that total handling costs based on EOQ were reduced, compared to the former order quantity, by 139,205.58 Baht per year or 32.12%, inventory carrying costs using the proposed ROP were reduced, compared to the former ROP, by 1,108,299.86 Baht per year or 27.62%, and the main process time requirement decreased by 180 minutes, which, in turn, reduced overtime wages by 234,037.75 Baht per year or 36.78% . The findings indicated that the theories and principles when applied together enhanced the efficiency of packing materials management and achieved the aims of this study.