สมบัติเบื้องต้นและการต้านทานซัลเฟตของคอนกรีตผสมเถ้าลอยเปียก

Abstract

วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสมบัติเบื้องต้นและการต้านทานซัลเฟตของคอนกรีต ผสมเถ้าลอยเปียก เพื่อใช้เป็นแนวทางในการนำเถ้าลอยเปียกไปใช้ประโยชน์ ในการศึกษาครั้งนี้ใช้เถ้าลอย BLCP จำนวน 2 ชนิด โดยเถ้าลอยใช้ทั้งสภาพแห้งและเปียกจาก แหล่งผลิต (ทั้งที่สัมผัสความชื้นระยะเวลา 1 สัปดาห์ 1 เดือน และ 3 เดือน) และเปียกจาก ห้องปฏิบัติการทั้งปริมาณความชื้นร้อยละ 25 45 และ 65 (ทั้งที่สัมผัสความชื้นระยะเวลา 1 สัปดาห์ 1 เดือน และ 3 เดือน) แทนที่ในปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 (OPC) ผลการศึกษาพบว่าการใช้เถ้าลอย (ทั้งแห้งและเปียก) แทนที่ใน OPC ส่งผลให้ ปริมาณน้ำที่ เหมาะสมของเพสต์มากกว่าการก่อตัวของเพสต์นานกว่า ความต้องการน้ำของมอร์ต้าร์มากกว่ากำลัง อัดประลัย (f [Subscript C]’)ของมอร์ต้าร์น้อยกว่า ค่าการยุบตัวของคอนกรีตน้อยกว่า f [Subscript C]’ ของคอนกรีตน้อยกว่าและการขยายตัวและการสูญเสียน้ำหนักในสารละลายซัลเฟตของมอร์ต้าร์น้อยกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับของ OPC ล้วน และพบว่าการใช้เถ้าลอยเปียกแทนที่ใน OPC ส่งผลให้ ปริมาณน้ำที่เหมาะสมของเพสต์มากกว่า การก่อตัวของเพสต์นานกว่าความต้องการน้ำของมอร์ต้าร์มากกว่า f [Subscript C] ’ ของมอร์ต้าร์ไม่ต่างกันค่าการยุบตัวของคอนกรีตมากกว่า f [Subscript C]’ ของคอนกรีตมากกว่าและการขยายตัวและการสูญเสียน้ำหนักในสารละลายซัลเฟตไม่ต่างกัน เมื่อเปรียบเทียบกับของเถ้าลอยแห้ง นอกจากนี้พบว่า ระยะเวลาสัมผัสความชื้นของเถ้าลอยเปียกที่นานกว่า ส่งผลให้ปริมาณน้ำที่เหมาะสมของเพสต์น้อยลง และการก่อตัวของเพสต์นานขึ้น แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำของมอร์ต้าร์ f [Subscript C]’ ของมอร์ต้าร์ค่าการยุบตัวและ f [Subscript C]’ ของคอนกรีต และการขยายตัวและการสูญเสียน้ำหนักในสารละลายซัลเฟตของมอร์ต้าร์ ส่วนปริมาณความชื้นของเถ้าลอยเปียก ส่งผลให้ค่าการยุบตัวของคอนกรีตมากขึ้น แต่ไม่ ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำที่เหมาะสมและการก่อตัวของเพสต์ ความต้องการน้ำและ f [Subscript C]’ ของมอร์ต้าร์ f [Subscript C]’ ของคอนกรีต และการขยายตัวและการสูญเสียน้ำหนักในสารละลายซัลเฟตของมอร์ต้าร์ และสุดท้ายสามารถเปรียบเทียบสมบัติของเพสต์ มอร์ต้าร์ และคอนกรีต ระหว่างของ OPC ล้วน ของเถ้า ลอยแห้ง และของเถ้าลอยเปียกได้

This thesis aimed to study the basic properties and the sulfate resistance of concrete with wet fly ash to serve as wet fly ash utilization guideline. In this study, wet fly ash and dry fly ash from the BLCP power plant were used. Wet fly ash was prepared from the plant and from the laboratory. Moisture contents of the wet fly ashes were 25%, 45%, and 65%. The wet exposure periods of fly ash were 1 week, 1 month, and 3 months. Fly ashes were replaced in Ordinary Portland Cement (OPC) only. The study indicated that the use of fly ash (both wet fly ash and dry fly ash) replaced in OPC resulted in more normal consistency of paste, longer setting time of paste, more water requirement of mortar, less compressive strength of mortar, less concrete slump, less compressive strength of concrete, and the expansion and weight loss in sulfate solution of mortar less when compared to those of plain OPC. In addition, it was found that the use of wet fly ash partially replaced in OPC resulted in more normal consistency of paste, longer setting time of paste, more water requirement of mortar, no different compressive strength of mortar, more concrete slump, more compressive strength of concrete, and the expansion and weight loss in sulfate solution of concrete were not different when compared to those of dry fly ash. Moreover, the longer exposure time wet exposure periods of fly ash resulted in less normal consistency of paste and longer setting time of paste, but there was no effect on water requirement of mortar, compressive strength of mortar, concrete slump, compressive strength of concrete, and the expansion and weight loss in sulfate solution of concrete. Moisture contents of the wet fly ash resulted in more concrete slump, but there was no effect on normal consistency and setting time of paste, water requirement of mortar, compressive strength of mortar, compressive strength of concrete and the expansion and weight loss in sulfate solution of concrete. Finally, the properties of paste, mortar, and concrete of plain OPC , dry fly ash and wet fly ash can be compared.