รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ ปัจจัยที่มีผลต่อแนวโน้มการลาออกของพนักงานมหาวิทยาลัย สายวิชาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

Abstract

วิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลาออกความ แตกต่างของปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ที่ส่งผลต่อการลาออกของพนักงานมหาวิทยาลัยสายวิชาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และแนวทางในการป้องกันและวิธีการรักษาหรือจูงใจพนักงานที่มีคุณภาพให้ทำงานกับองค์กรต่อไป โดยใช้วิธีการสำรวจเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 239 ชุด วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาโดยใช้การแสดงค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติเชิงอนุมานใช้หาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรในกลุ่มของปัจจัยกับระดับความคิดเห็น โดยการทดสอบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ย 2 กลุ่มด้วย t-test และทดสอบความแตกต่างระหว่างระหว่างค่าเฉลี่ย 2 กลุ่มขึ้นไปด้วย F-test การหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรในกลุ่มของปัจจัยค้ำจุน และปัจจัยจูงใจต่อแนวโน้มการลาออกของพนักงานมหาวิทยาลัยสายวิชาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีโดยการหาความสัมพันธ์แบบถดถอยเชิงพหุ ผลการศึกษาพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุระหว่าง 31 - 35 ปี สถานภาพโสด ระดับการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาโท รายได้อยู่ระหว่าง 31,500 บาท ขึ้นไป ตำแหน่งงานเป็นอาจารย์ อายุงานระหว่าง 4 – 6 ปี สังกัดคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีความเห็นต่อในภาพรวมมีความสำคัญอยู่ในระดับปานกลางปัจจัยจูงใจในภาพรวมมีความสำคัญอยู่ในระดับมากปัจจัยค้ำจุนในภาพรวมมีความสำคัญอยู่ในระดับมาก และพบว่าอายุ รายได้ ตำแหน่งงาน อายุงาน และสังกัด มีผลต่อปัจจัยที่มีผลแนวโน้มการลาออกของพนักงานมหาวิทยาลัยสายวิชาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี โดย ตำแหน่งงาน อายุงาน สังกัด มีผลต่อปัจจัยจูงใจ ส่วนอายุ รายได้ ตำแหน่งงาน อายุงาน และสังกัด มีผลต่อปัจจัยค้ำจุน และเพศ อายุ ตำแหน่งงาน อายุงาน และสังกัด มีผลต่อปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจลาออก

This research aims to study the influencing factors for the decision of resignation. The differences of demography are one of the factors that caused the resignation of academic university employees of Rajamangala University of Technology Thanyaburi. This study the preventions and retaining methods or motivation for the quality employees to continue working within the organization longer. The totals of 239 questionnaires of representative sample have been collected for data. The data has been analyzed using the descriptive statistics by percentage, mean and standard deviation. The application of Inferential Statistics to determine the relationship between the variables of the factor and the level of feedback by testing the difference between 2 groups with t-test and testing the difference between more than 2 groups with f-test. Finding the relations between variables of maintenance factor and incentive factor for the academic university employees’ resignation trend of Rajamangala University of Technology Thanyaburi by finding the relations of Multiple Regression. The study indicated that most respondents were males from the age range of 31-35 years old mostly single. They were at the master level with salary income ranges from 31,500 baht upward. Being a lecturer of the faculty of Science and Technology with the duration of employment between 4 to 6 years. The overall opinion was significant at the moderate level. Overall in motivation factors are important at high level. Overall in maintenance Factor is also important at the high level. The study found out that age, salary income, position and affiliation are factors that influenced the resignation of the academic university employees’ resignation trend of Rajamangala University of Technology Thanyaburi. The position, duration of employment, and affiliation significantly affected the motivation factor. In comparison, age, salary income, position, duration of employment and affiliation are affected the maintenance factor. While in contrast, the gender, age, position, duration of employer and affiliation are affected factors of the resignation decision.