Please use this identifier to cite or link to this item: http://www.repository.rmutt.ac.th/xmlui/handle/123456789/2937
Title: การศึกษารูปแบบการตัดต่อแบบมองทาจและแบบคู่ขนานสำหรับภาพยนตร์โฆษณาเพื่อการรณรงค์การปลูกต้นไม้ในเขตกรุงเทพมหานคร
Other Titles: The Study of Montage and Parallel Editing for Advertisement Movie for Green Bangkok Project Campaign
Authors: คันศร บุญบรรเทิงวัฒน์
Keywords: การตัดต่อลำดับภาพ
รูปแบบการตัดต่อแบบมองทาจ
รูปแบบการตัดต่อแบบคู่ขนาน
ภาพยนตร์โฆษณา
Issue Date: 2559
Publisher: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี. คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน. สาขาวิชาเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) ศึกษารูปแบบการตัดต่อ 2 รูปแบบ คือ การตัดต่อแบบมองทาจและรูปแบบการตัดต่อแบบคู่ขนานในสื่อภาพยนตร์โฆษณาส่งเสริมสังคมและ 2) เพื่อวัดความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายต่อการตัดต่อแบบมองทาจและรูปแบบการตัดต่อแบบคู่ขนานกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครอายุระหว่าง 18-25 ปี โดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มตัวอย่างที่ชมภาพยนตร์โฆษณาที่ตัดต่อในรูปแบบมองทาจ จำนวน 25 คน และ 2) กลุ่มตัวอย่างที่ชมภาพยนตร์โฆษณาที่ตัดต่อในรูปแบบคู่ขนาน จำนวน 25 คน โดยสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) สื่อภาพยนตร์โฆษณาเพื่อการรณรงค์ภายใต้ แนวคิด “กรุงเทพเมืองสีเขียว Green Bangkok” ที่ตัดต่อลำดับภาพ 2 รูปแบบ คือ การตัดต่อแบบมองทาจ และ รูปแบบการตัดต่อแบบคู่ขนาน 2) แบบสอบถามวัดความพึงพอใจของผู้ที่ได้รับชมภาพยนตร์โฆษณาที่ตัดต่อในรูปแบบมองทาจและภาพยนตร์โฆษณาที่ตัดต่อในรูปแบบคู่ขนานเพื่อผลิตภาพยนตร์โฆษณาเพื่อการรณรงค์ภายใต้ แนวคิด “กรุงเทพเมืองสีเขียว Green Bangkok” ที่ผ่านการตัดต่อแล้วทั้ง 2 รูปแบบ ผู้วิจัยนำสื่อภาพยนตร์โฆษณาไปหาคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านการผลิตภาพยนตร์โฆษณา จำนวน 3 คน โดยสัมภาษณ์แบบเจาะลึกเพื่อนำข้อเสนอแนะมาปรับปรุงในงานภาพยนตร์โฆษณาเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม โดยใช้ Independent Sample t-test จากการศึกษาพบว่าผลการวิเคราะห์การเปรียบเทียบระดับความพึงพอใจของผู้ชมภาพยนตร์โฆษณาเพื่อการรณรงค์การปลูกต้นไม้ในเขตกรุงเทพมหานครโดยใช้การตัดต่อแบบมองทาจ อยู่ในระดับมาก (Mean=3.76) และรูปแบบการตัดต่อแบบคู่ขนานอยู่ในระดับมาก (Mean=3.60) สรุปได้ว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่พึงพอใจภาพยนตร์โฆษณาเพื่อการรณรงค์การปลูกต้นไม้ในเขตกรุงเทพมหานครโดยใช้การตัดต่อแบบมองทาจและเมื่อนำมาวิเคราะห์ด้วยการหาค่า Independent Sample t-test พบว่าความพึงพอใจของผู้ที่ได้รับชมภาพยนตร์เพื่อการรณรงค์โดยใช้รูปแบบการตัดต่อแบบมองทาจ และรูปแบบการตัดต่อแบบคู่ขนานในภาพรวมแต่ละด้านไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ทั้งนี้หากแยกพิจารณาในแต่ละด้านโดยแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ซึ่งประกอบด้วย ด้านการนำเสนอเนื้อหา ด้านการนำเสนอภาพ ด้านการนำเสนอเสียงประกอบ และด้านการใช้เทคนิคและรูปแบบการตัดต่อลำดับภาพ พบว่า ทุกด้านมีค่าความพึงพอใจอยู่ในระดับมากเหมือนกันทุกข้อ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะใช้รูปแบบการตัดต่อแบบใด ก็ไม่ส่งผลต่อ ความพึงพอใจของผู้รับชมในระดับเดียวกัน
The major objectives of the research on The Study of Montage and Parallel Editing for Advertisement Movie for Green Bangkok Project Campaign were to 1) study 2 types of editing techniques: montage and parallel for advertisement movie campaign, and 2) evaluate satisfaction of the target group towards montage and parallel editing techniques. Samples of this research were purposive random sampling from the 18-25 years old of people living in Bangkok. The samples were divided into 2 groups: 1) 25 people who watched advertisement movie with montage editing technique, and 2) 25 people who watched advertisement movie with parallel editing technique. Research instruments were 1) advertisement movie for Green Bangkok project campaign with 2 types of editing techniques: montage and parallel, 2) a questionnaire on satisfaction of those who watched advertisement movie for Green Bangkok project campaign with montage editing technique and parallel editing technique. The advertisement movie was adapted and developed according to the three experts’ comments from in-depth interview. Descriptive statistics (mean, percent, and S.D.) and Independent Sample t-test were used for data analysis. The research result revealed that the satisfaction comparison of those who watched Green Bangkok project campaign with montage editing technique was at a high level (Mean=3.76) and those who watched Green Bangkok project campaign with parallel editing technique was at a high level ( Mean=3.60). This can be concluded that most people were satisfied with the advertisement movie for Green Bangkok project campaign with montage editing technique. Independent Sample t-test analysis showed that the samples’ satisfaction towards advertisement movie for Green Bangkok project campaign with montage editing technique and parallel editing technique were statisticallynon-significant difference at the level of 0.05. The individual consideration on the 4 parts-content presentation, picture presentation, sound presentation and editing technique-showed the same level of satisfaction. This can be concluded that no technique affected watcher’s satisfaction.
URI: http://www.repository.rmutt.ac.th/dspace/handle/123456789/2937
Appears in Collections:วิทยานิพนธ์ (Thesis - MCT)

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
RMUTT-154484.pdfThe Study of Montage and Parallel Editing for Advertisement Movie for Green Bangkok Project Campaign6.36 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.